เมนู

แปรปรวนไปเป็นธรรมดา กิ่งและใบก็ไม่เที่ยง แปรปรวนไปเป็นธรรมดา
แต่ว่าเงาของต้นไม้นั้นแล เที่ยง ยั่งยืน เป็นไปติดต่อ ไม่มีความแปรปรวน
ไปเป็นธรรมดา ผู้ที่กล่าวนั้น ชื่อว่า พึงกล่าวชอบหรือหนอแล.
ภิกษุณี. หามิได้ เจ้าข้า.
น. นั่นเพราะเหตุไร
ภิกษุณี. ข้าแต่ท่านผู้เจริญ เพราะต้นไม้ใหญ่ มีแก่นตั้งอยู่โน้น
มีรากก็ไม่เทียง แปรปรวนไปเป็นธรรมดา ลำต้นก็ไม่เที่ยง แปรปรวนไปเป็น
ธรรมดา กิ่งและใบก็ไม่เที่ยง แปรปรวนไปเป็นธรรมดา เงาของต้นไม้นั้น
ก็ต้องไม่เที่ยง แปรปรวนไปเป็นธรรมดาเช่นกัน.

ว่าด้วยอายตนะภายนอก 6


[789] น. น้องหญิงทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกันแล บุคคลใด
พึงกล่าวอย่างนี้ว่า อายตนะภายนอก 6 ของเราไม่เที่ยง แต่เราอาศัยอายตนะ
ภายนอกเสวยเวทนาใด เป็นสุขก็ตาม เป็นทุกข์ก็ตาม มิใช่ทุกข์มิใช่สุขก็ตาม
เวทนานั้น เที่ยง ยั่งยืน เป็นไปติดต่อ ไม่มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา
บุคคลผู้กล่าวนั้น ชื่อว่า กล่าวชอบหรือหนอแล.
ภิกษุณี. หามิได้ เจ้าข้า.
น. นั่นเพราะเหตุไร.
ภิกษุณี. ข้าแต่ท่านผู้เจริญ เพราะเวทนาที่เกิดแต่อายตนะภายนอก
นั้น ๆ อาศัยปัจจัยที่เกิดแต่อายตนะภายนอกนั้น ๆ แล้ว จึงเกิดขึ้นได้ เพราะ
ปัจจัยที่เกิดแต่อายตนะภายนอกนั้น ๆ ดับ เวทนาที่เกิดแต่อายตนะภายนอกนั้นๆ
จึงดับไป.

น. น้องหญิงทั้งหลาย ถูกละ ๆ พระอริยสาวกผู้เห็นเรื่องนี้ด้วยปัญญา
ชอบ ตามความเป็นจริง ย่อมมีความเห็นอย่างนี้แล.
[790] ดูก่อนน้องหญิงทั้งหลาย เปรียบเหมือนคนฆ่าโค หรือลูก
มือของคนฆ่าโคผู้ฉลาด ฆ่าโคแล้ว ใช้มีดแล่โคอันคมชำแหละโค แยกส่วน
เนื้อข้างในแยกส่วนข้างนอกไว้ ในส่วนเนื้อนั้น ส่วนใดเป็นเนื้อล่ำในระหว่าง
เอ็นในระหว่าง เครื่องผูกในระหว่าง ก็ใช้มีดแล่โคอันคมเถือ แล่ คว้านส่วน
นั้น ๆ ครั้นแล้วคลี่ส่วนหนังข้างนอกออก เอาปิดโคนั้นไว้ แล้วกล่าวอย่างนี้
ว่า โคตัวนี้ประกอบด้วยหนังผืนนี้ เหมือนอย่างเดิมนั้นเอง ดูก่อนน้องหญิง
ทั้งหลาย คนฆ่าโคหรือลูกมือของตนฆ่าโคผู้กล่าวนั้น ชื่อว่า กล่าวชอบหรือ
หนอแล.
ภิกษุณี. หามิได้ เจ้าข้า.
น. นั่นเพราะเหตุไร.
ภิกษุณี. ข้าแต่ท่านผู้เจริญ เพราะคนฆ่าโค หรือลูกมือของตนฆ่าโค
ผู้ฉลาดโน้น ฆ่าโคแล้ว ใช้มีดแล่โคอันคมชำแหละโค แยกส่วนเนื้อข้างใน
แยกส่วนหนังข้างนอกไว้ ในส่วนเนื้อนั้น ส่วนใดเป็นเนื้อล่ำในระหว่า เอ็นใน
ระหว่าง เครื่องผูกในระหว่าง ก็ใช้มีดแล่โคอันคมเถือ แล่ คว้านส่วนนั้นๆ
ครั้น แล้วคลี่ส่วนหนังข้างนอกออก เอาปิดโคนั้นไว้ แม้เขาจะกล่าวอย่างนี้ว่า
โคตัวนี้ประกอบด้วยหนังผืนนี้ เหมือนอย่างเดิมนั่นเอง ก็จริง ถึงกระนั้นแล
โคนั้น ก็แยกกันแล้วจากหนังผืนนั้น.
[791] น. ดูก่อนน้องหญิงทั้งหลาย เราเปรียบอุปมาน เพื่อให้เข้าใจ
เนื้อความชัด เนื้อความในอุปมานั้น มีดังต่อไปนี้ ดูก่อนน้องหญิงทั้งหลาย
ข้อว่าส่วนเนื้อข้างในนั้น เป็นชื่อของอายตนะภายใน 6 ส่วนหนังข้างนอกนั้น
เป็นชื่อของอายตนะภายนอก 6 เนื้อล่ำในระหว่าง เอ็นในระหว่าง เครื่องผูก

ในระหว่าง นั้นเป็นชื่อของนันทิราคะ มีดแล่โคอันคมนั้น เป็นชื่อของปัญญา
อันประเสริฐ ซึ่งใช้เถือ แล่ คว้านกิเลสในระหว่าง สัญโญชน์ในระหว่าง
เครื่องผูกในระหว่างได้.

ว่าด้วยโพชฌงค์ 7


[792] ดูก่อนน้องหญิงทั้งหลาย โพชฌงค์ที่ภิกษุเจริญแล้ว ทำให้
มากแล้ว เป็นเหตุ ย่อมเข้าถึงเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติ อันหาอาสวะมิได้
เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ทำให้แจ้งเพราะรู้ยิ่ง ด้วยตนเองในปัจจุบันอยู่
เหล่านี้ มี 7 อย่างแล 7 อย่างเป็นไฉน ดูก่อนน้องหญิงทั้งหลาย คือ ภิกษุใน
พระธรรมวินัยนี้.
(1) ย่อมเจริญสติสัมโพชฌงค์อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัย
นิโรธ อันน้อมไปเพื่อความปลดปล่อย
(2) ย่อมเจริญธัมมวิจยสัมโพชฌงค์...
(3) ย่อมเจริญวิริยสัมโพชฌงค์...
(4) ย่อมเจริญปีติสัมโพชฌงค์...
(5) ย่อมเจริญปัสสัทธิสัมโพชฌงค์...
(6) ย่อมเจริญสมาธิสัมโพชฌงค์...
(7) ย่อมเจริญอุเบกขาสัมโพชฌงค์ อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ
อาศัยนิโรธ อันน้อมไปเพื่อความปลดปล่อย ดูก่อนน้องหญิงทั้งหลาย เหล่านี้แล
โพชฌงค์ 7 ที่ภิกษุเจริญแล้ว ทำให้มากแล้วเป็นเหตุ ย่อมเข้าถึงเจโตวิมุตติ
ปัญญาวิมุตติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ทำให้แจ้งเพราะ
รู้ยิ่งด้วยตนเองในปัจจุบันอยู่.